7 สัญญาณถึงเวลาหางานใหม่ให้ได้งานที่ใช่กว่าเดิม
พวกเราคงเคยได้ยินวลีเด็ดอย่าง “จงรักในสิ่งที่ทำ” กันอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะเวลาที่ใครเริ่มบ่นว่าเบื่องานบ้าง อยากเปลี่ยนงานบ้าง ก็มักจะมีเสียงนี้จากคนรอบข้างเข้ามาเตือนสติเสมอ จริงอยู่ที่คนเรานั้นเลือกทำในสิ่งที่ตนรักไม่ได้ตลอดเวลา แต่ก็มีหลายกรณีที่การทนอยู่กับสิ่งที่ไม่ใช่มีแต่จะทำให้เพิ่มความทุกข์จนส่งผลเสียตามมาอีกหลายอย่าง ดังนั้นเราจะรู้ได้อย่างไรว่า เมื่อใดที่ควรถึงเวลาเปลี่ยนงานแล้ว ลองมาสำรวจกันดีกว่าค่ะว่าคุณมี 7 สัญญาณเหล่านี้บ้างหรือไม่
ไม่ชอบงานที่ทำอย่างมาก
หากความไม่ชอบอยู่เพียงแค่งานนี้อาจจะยังไม่ใช่ที่สุด แต่ก็ยังพอทำได้ ไม่ได้ลำบากใจมากมาย ก็อาจจะยังอยู่ในระดับที่รับมือทำต่อไปไหว แต่ถ้าระดับของความไม่ชอบรุนแรงมากถึงขั้นที่ต้องใช้คำว่าฝืนใจไปทำงาน ขาดแรงจูงใจอย่างสิ้นเชิง เฝ้ารอแต่สุดสัปดาห์ ถึงเวลาทำงานก็ทำแบบขอไปทีให้หมดไปแต่ละวัน หากรู้สึกว่าที่ทำงานคือสถานที่ที่ทำให้คุณไม่มีความสุขที่สุดในโลกแล้วละก็ นี่คือสัญญาณอันแรงกล้าว่าอาจถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจังแล้ว
เข้ากับวัฒนธรรมองค์กรไม่ได้
บางครั้งคุณอาจไม่มีปัญหากับงานที่ทำมากเท่าปัญหากับเพื่อนร่วมงาน กับหัวหน้า หรืออาจจะเข้ากับวัฒนธรรมองค์กรไม่ได้เลย เหมือนกับสำนวนที่กล่าวไว้ว่า คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก หากสังคมในที่ทำงานไม่เอื้ออำนวยให้คุณเป็นตัวของตัวเองหรือมีแต่จะทำให้คุณไม่สบายใจ ต้องคอยฝืนความรู้สึกตัวเองอยู่ตลอดเวลา ก็ไม่มีความจำเป็นต้องฝืนใจอยู่ต่อ องค์กรแต่ละที่ก็มีความแตกต่างกันไป ย่อมมีที่อื่นที่เหมาะกับคุณมากกว่าแน่นอน
ไม่มีโอกาสก้าวหน้าสำหรับคุณ
ทำงานมาก็หลายปี ประสบการณ์มากมาย ผลงานก็อยู่ในขั้นดีมากแต่ก็ยังอยู่ตำแหน่งเดิม ไม่เคยได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งกับเขา บางครั้งมีคนใหม่เข้ามากลับก้าวหน้าแซงเราไปได้อย่างรวดเร็ว หากปรึกษาปัญหานี้กับหัวหน้าแล้วทุกอย่างก็ยังไม่มีความเปลี่ยนแปลง มีแต่คำสัญญาที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง คุณอาจจะต้องพิจารณาไปหาความก้าวหน้าที่องค์กรอื่นดูบ้าง
ไม่มีโอกาสให้คุณแสดงความสามารถหรือเรียนรู้เพิ่มเติม
คุณมีความรู้มีความสามารถมากมายแต่กลับไม่ได้ใช้มันจนเริ่มรู้สึกเบื่อและรู้สึกว่างานที่ทำนั้นไม่ค่อยมีความหมายเอาเสียเลย ถ้ามีความรู้สึกนี้ลองปรึกษากับหัวหน้างานก่อนเพื่อให้มั่นใจว่าทางบริษัทได้วางแผนเกี่ยวกับตำแหน่งงานของคุณไว้มากน้อยแค่ไหน หากบริษัทไม่ได้สนใจจะพัฒนาคุณให้ได้ใช้ความสามารถที่มีเลย หรือองค์กรนี้อาจไม่มีตำแหน่งงานที่เหมาะสมกับคุณอย่างที่คาดไว้ คุณก็ควรมองหางานอื่นเอาไว้บ้าง
สุขภาพเริ่มย่ำแย่
บางครั้งร่างกายของเราก็ส่งสัญญาณให้รับรู้ถึงความไม่สมดุลในชีวิตได้เช่นกัน หากคุณต้องเผชิญกับความเครียดมหาศาล หรืออาการเจ็บป่วยทั้งรุนแรงหรือเรื้อรังเป็นประจำ นี่ก็เป็นหนึ่งในอีกสัญญาณว่างานที่ทำอยู่อาจจะไม่ใช่ สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญมาก หากสูญเสียไปแล้วบางครั้งอาจจะไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก ต่อให้รายได้ดีแค่ไหน บางครั้งก็อาจจะไม่คุ้มกับสิ่งที่คุณกำลังจะเสียไป
งานส่งผลต่อความสัมพันธ์ส่วนตัว
นี่เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่คุณต้องใส่ใจให้มาก ครอบครัวคือสิ่งที่มีค่าและจะอยู่ดูแลคุณไปตลอดชีวิต หากงานเริ่มมีความสำคัญกับคุณมากกว่าครอบครัวหรือคนที่คุณรักจนทำให้คุณไม่มีเวลาให้พวกเขาอย่างที่ควรจะเป็น หรือทำให้คุณต้องหงุดหงิดเอาอารมณ์เสียจากที่ทำงานมาระบายใส่คนที่บ้าน ขอให้ลองพิจารณาว่าสิ่งใดกันแน่ที่มีความสำคัญต่อชีวิตคุณ ความสำเร็จอาจไม่มีคุณค่ามากเท่าที่คิดหากสุดท้ายแล้วคุณต้องอยู่อย่างลำพังเดียวดาย
คุณมีเป้าหมายอื่นในชีวิต
คุณอาจจะอยากเปลี่ยนสายงาน อยากเรียนต่อหรืออยากหันมาทำประโยชน์เพื่อสังคมให้มากขึ้น ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม หากเป้าหมายใหม่ในชีวิตของคุณแรงกล้ามากจนพร้อมที่จะเปลี่ยนสิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบัน ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายที่จะลอง ขอเพียงให้คุณตัดสินใจด้วยเหตุผลและมีแผนการที่ชัดเจน ไม่ใช้เพียงแค่อารมณ์ในการตัดสินใจ
งานคือสิ่งที่คุณต้องทำไปอีกหลายสิบปี อาจจะไม่ต้องรักมากหรือเป็นงานในฝัน แต่อย่างน้อยคุณก็ไม่ควรต้องอยู่ในภาวะกดดันหรือไม่สบายใจอยู่ตลอดเวลา อย่าคิดว่าตัวเองไม่มีทางเลือก เราทุกคนมีทางเลือกเสมอ เราอยากให้คุณมีความสุข สนุกกับงานที่ใช่
เพราะฉะนั้นหากคุณมั่นใจแล้วว่างานที่ทำอยู่ไม่ตอบโจทย์ชีวิตของคุณ ก็ถึงเวลาต้องหางานใหม่ที่ใช่กว่าเดิมแล้วล่ะ
ที่มา : th.jobsdb.com
บทความอื่นๆ เพิ่มเติม ได้ที่ www.impressionconsult.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น