พนักงานออฟฟิศเก็บเงินล้านแรกอย่างไร
ใครๆ ก็ใฝ่ฝันอยากจะมีเงินล้านกันทั้งนั้น แล้วพนักงานออฟฟิศกินเงินเดือนอย่างเราล่ะ จะเก็บเงินล้านแรกได้อย่างไร…
คำถามปวดใจที่ดูความเป็นไปได้นั้นไกลลิบตา สร้างความอ่อนล้าให้กับพนักงานออฟฟิศเสียเหลือเกิน เพราะไม่รู้ว่าเงินล้านแรกที่อยากได้นั้นต้องใช้ระยะเวลานานเท่าไหร่ ไหนจะต้องมีค่าใช้จ่ายส่วนตัว ค่าผ่อนรถผ่อนบ้าน ค่าอาหารในแต่ละมื้อ รวมทั้งค่าเลี้ยงดูบุพการี ที่เมื่อเงินเดือนออกวันไหน แทบจะหมดลงในพริบตาวันนั้นแต่เชื่อเถอะว่า ความเป็นไปได้ไม่ไกลเกินเอื้อม หากคุณมีเทคนิคในการเก็บเงิน แล้วล้านแรกที่ต้องการก็อยู่ใกล้เพียงนิดเดียว
สร้างวินัยบันทึกการใช้จ่าย
ในฐานะพนักงานออฟฟิศ คุณย่อมรู้อยู่แล้วว่า ในแต่ละเดือนคุณจะมีรายรับที่แน่นอนจากเงินเดือนเท่าไหร่ ส่วนรายจ่ายจะมากหรือน้อยนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความจำเป็นของแต่ละคน ซึ่งถ้าแบ่งออกเป็นหมวดหลัก ๆ คงไม่พ้น ค่าอาหาร ค่าสาธารณูปโภค ค่าโทรศัพท์ ค่าเดินทาง และค่าจิปาถะ เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว เราขอแนะนำให้คุณทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายทุกอย่าง อย่างมีวินัย เพื่อจะได้เห็นว่า ในแต่ละเดือนคุณได้ใช้จ่ายอะไรที่จำเป็น และไม่จำเป็นไปบ้าง ซึ่งหากไม่สะดวกที่จะจด อาจเลือกใช้เทคโนโลยีจากสมาร์ทโฟนมาเป็นตัวช่วย ด้วยการโหลดแอพพลิเคชั่นบันทึกรายรับ-รายจ่ายที่มีหลากหลายรูปแบบ นอกจากจะสนุกในการบันทึกแล้ว ยังอาจทำให้คุณได้เห็นเงินล้านในเร็ววันนี้อีกด้วย
ลด ละ เลิก นิสัยฟุ่มเฟือย
เมื่อรู้แล้วว่า อะไรเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็น และไม่จำเป็น คราวนี้มาสร้างกฎเหล็กให้กับหัวใจตัวเองดีกว่า โดยห้ามใจไม่ซื้อของฟุ่มเฟือย ของไม่มีประโยชน์ ราคาแพงเว่อร์เกินความเป็นจริง หรือปาร์ตี้หรูสุดสัปดาห์ เพียงแค่ต้องการโชว์ความโก้เก๋ในสังคม จนบางครั้งต้องไปกู้หนี้ยืมสิน หรือเป็นราชาเงินผ่อนไปเสียทุกอย่าง ซึ่งเป็นตัวการสำคัญทำให้ไม่สามารถเก็บออมเงินได้สำเร็จ แต่หากวันนี้คุณตั้งเป้าหมายใหม่ โดยลด ละ เลิกนิสัยเหล่านี้เสีย แล้วนำเงินที่จะต้องจ่ายกับสิ่งของฟุ่มเฟือยมาแปรเป็นเงินออม บอกได้เลยว่า อนาคตเศรษฐีเงินล้านอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมเลยล่ะค่ะ
ปันเงินเดือน เป็นเงินออม
ปัญหาหนึ่งของพนักงานออฟฟิศหลายคน คือ ไม่ปันเงินเดือนส่วนหนึ่งมาเป็นเงินออม แต่คิดจะออมต่อเมื่อเงินเหลือจากการใช้จ่าย หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ยังคงมีนิสัยเช่นนี้ เงินล้านก้อนแรกที่อยากจะเห็นคงไกลลิบหรี่ แต่คุณควรแบ่งเงินเดือนออกมาเป็นเงินออมทันที อาจจะ 10% หรือ 20% ตามความสามารถ แล้วนำไปเข้าบัญชีเงินฝาก หรือลงทุนในรูปแบบต่างๆ ที่วางแผนไว้ เพียงเท่านี้ เงินออมหลักพันที่คุณเก็บในแต่เดือนจะกลายเป็นหลักล้านไม่ยากเลย
ให้เงินทำงานบ้างสิ
ทำงานเหนื่อยมาทั้งเดือนแล้วให้เงินทำงานแทนคุณบ้างสิ! เมื่อแบ่งเงินเดือนมาเป็นเงินออม คราวนี้ก็ต้องจัดการการออมอย่างชาญฉลาด อย่าให้เงินนิ่งเฉยอยู่กับบัญชีออมทรัพย์ที่มีดอกเบี้ยเพียงน้อยนิดอย่างเดียว ลองมองหาแหล่งลงทุนใหม่ที่ให้ดอกผลมากขึ้น อาจเป็นกองทุนต่างๆ หุ้น ตราสารหนี้ พันธบัตร ประกันชีวิต ทองคำ หรือฉลากออมสิน และอย่าลืมว่า ก่อนจะลงทุนทุกครั้ง ต้องศึกษารายละเอียด ข้อดี-ข้อเสีย และความเสี่ยงของผลิตภัณฑ์นั้นๆ ให้ดีเสียก่อน ไม่ใช่เห็นแต่ดอกผลที่มากมาย แล้วทุ่มเงินออมที่มีจนหมดหน้าตัก เมื่อเศรษฐกิจชะลอตัวลง คุณอาจไม่ได้ดอกผลตามที่เห็น หรือบางครั้งอาจขาดทุนด้วยซ้ำไป ทางที่ดีควรกระจายการลงทุนในผลิตภัณฑ์หลายๆ ประเภท ที่มีทั้งความเสี่ยงต่ำและความเสี่ยงสูง เพื่อจะได้ไม่หนักใจหากเศรษฐกิจมีความผันผวน เพราะทุกการลงทุนมีความเสี่ยงอยู่เสมอ
สมทบเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเต็มอัตราศึก
อย่าเหนื่อยใจเมื่อเห็นบริษัทต้องหักเงินเดือนส่วนหนึ่งของคุณไปที่เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ แต่จงดีใจ และควรสบทบเข้ากองทุนนี้ให้มากที่สุดเท่าที่กำลังคุณจะสามารถดีกว่า เพราะนอกจากบริษัทจะหักเงินเดือนของคุณไปในอัตรา 2-15% ของรายได้แล้ว บริษัทยังช่วยสบทบให้คุณอีกในอัตราที่ไม่น้อยไปกว่า 2-15% เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ คุณยังสามารถเลือกประเภทพอร์ตการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง-ต่ำได้ตามต้องการอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นพอร์ต Active ที่มีดอกเบี้ยสูง และความเสี่ยงสูง หรือพอร์ต Play Save ที่มีผลตอบแทนน้อย แต่ความเสี่ยงต่ำ เมื่อเลือกดีแล้ว ก็ลงทุนให้เต็มที่ เพราะเงินส่วนนี้แหละที่จะทำให้คุณเป็นเศรษฐีเงินล้านได้ในอนาคต
อย่าคิดว่า การเป็นพนักงานออฟฟิศกับเงินล้านนั้นไกลกันลิบลับ หากแต่วันนี้คุณมีความมุ่งมั่น ตั้งใจ และวางแผนการเงินอย่างมีวินัย เงินเดือนเพียงน้อยนิดที่คุณได้ ก็กลายเป็นเงินล้านก้อนแรกไม่ยากเลย
ที่มา : th.jobsdb.com
บทความอื่นๆ เพิ่มเติม ได้ที่ www.impressionconsult.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น