5 สัญญาณอันตรายที่ฟ้องว่าคุณเครียดจากการทำงาน


พนักงานออฟฟิศขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์ที่เครียดที่สุดในศวรรษที่ 21 โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชากรที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ๆ ของโลก ที่ทุกคนต้องรีบเร่ง แข่งขัน แก่งแย่งกันไม่เว้นแต่ละวัน ยิ่งรับผิดชอบมากยิ่งคิดเยอะ ยิ่งคิดเยอะ ก็ยิ่งเครียด

ความเครียดเป็นอาการสะสมพิษไว้ในจิต และแสดงออกทางร่างกาย + อารมณ์ ซ้ำร้ายกว่านั้น บางครั้งมันก่อตัวขึ้นแบบที่ตัวเราเองก็ยังสังเกตไม่เห็นเลย ที่เหลือเชื่อกว่านั้นคนที่เห็นคือ คนรอบข้างเรานั่นเอง
ถ้าคุณมี 5 อาการนี้เมื่อไหร่ ก็เป็นที่แน่ใจได้ว่าคุณเครียดจากการทำงานแล้วแน่นอน
อาการที่ 1 : อ่อนเพลีย ท้องผูก
เคยมั้ย นอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ รู้สึกไม่กระปรี้กระเปร่า ตอนเช้าไม่เคยอยากตื่น เสาร์ อาทิตย์ไม่ต้องพูดถึง ข้าวปลาอาหารแห้งไม่อยากกิน เบื่อไปหมด นั่นเป็นเพราะคุณเครียด ร่างกายของคุณเลยฟ้องอาการออกมาอย่างชัดเจน นอกจากนี้ในบางราย ยังมีอาการท้องผูก เพราะเวลาเช้าที่รีบเร่ง ทำให้ไม่มีเวลามาใส่ใจสุขลักษณะที่ดี แถมระหว่างวันยังไม่ค่อยมีเวลาดื่มน้ำ
ถ้ามีอาการแบบนี้เมื่อไหร่ละก็ ลองผ่อนหนักเป็นเบาดูสักนิด ออกกำลังกาย พักผ่อน นอนหลับ และดื่มน้ำเยอะๆ จะได้กลับมาสดใสปิ๊งปั๊งแบบเดิม

อาการที่ 2 : อารมณ์ไม่ดีหงุดหงิด งุ่นง่าน
อันนี้คนรอบข้างน่าจะสังเกตได้ชัดมากกว่าตัวเรา ช่วงที่เครียดมากๆ อาจเป็นเพราะจิตเราหมกมุ่นกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากจนเกินไป จนกระทั่งเวลามีออะไรไม่สบอารมณ์เล็กๆ น้อยๆ ก็ถึงขั้นระเบิดอารมณ์เป็นพระเอกหนังบู๊ หรือนางร้ายในละครน้ำเน่า
ถ้าเหตุการณ์ปรอทแตกแบบนี้เกิดขึ้นได้ง่าย และบ่อย จนคนรอบข้างเอ่ยปาก คุณคงต้องกลับมาสำรวจตัวเองแล้วว่า เกิดอะไรขึ้น อย่ารอให้สายไปจนไม่มีใครคบล่ะ เลิกหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่แล้ว เดี๋ยวแก่เร็วไม่รู้ด้วยนะ

อาการที่ 3 : ขี้ลืมแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เวลาคุณเครียดๆ เชื่อมั้ยว่า อะไรที่คุณไม่เคยลืมก็ลืมได้ จะหยิบของจากที่ทำงานกลับมาบ้าน ก็ลืม จะหยิบงานไปส่งเจ้านาย ก็ลืม ลืมหน้าลืมหลังประหนึ่งเป็นอัลไซเมอร์ ก็เพราะว่าจิตของคุณมันหมั่นไปคิดเรื่องอะไรก็ไม่รู้ ในอดีตบ้าง ในอนาคตบ้าง ไม่ได้มาอยู่ในปัจจุบันกาลกับคุณ
อาการนี้แก้ได้ด้วยการฝึกจิต ฝึกสมาธิ ให้จิตใจอยู่กับเนื้อกับตัว อย่าไปกังวลถึงสิ่งที่ผ่านไปแล้ว หรือสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น ถ้าขี้ลืมมากก็พยายามจดโน้ต แล้วอ่านทวนในยามจำเป็น แปปเดียวเดี๋ยวก็หายแล้วค่ะ ปล.กรณีนี้อาจวัดไม่ได้กับคนที่ขี้ลืมอยู่แล้ว แต่ถ้าปกติคุณไม่ได้เข้าข่ายคนขี้ลืมแล้วล่ะก็แปลว่าคุณกำลังเครียดมากๆ แล้วล่ะค่ะ

อาการที่ 4 : ทำอะไรแบบสุดโต่ง
ที่เห็นได้ชัดในเรื่องความสุดโต่งคงจะหนีไม่พ้นลักษณะนิสัยการกิน เมื่อถึงคราวที่เครียดมากๆ บางคนก็ทานเยอะผิดปกติ เอะอะหิว เอะอะกินตลอด คงเป็นเพราะใช้แรงงานเยอะ บางคนก็กลับกายเป็นเบื่ออาหารทานไม่ลงเห็นอะไรก็ไม่ชวนอยากเอาซะเลย บางคนก็อยากกินของหวานตลอดเวลา (ระวังอ้วนด้วย) นอกจากเรื่องการกินแล้ว บางคนก็อาจแสดงออกมาในรูปแบบของการซื้อของ ช้อปปิ้งสนั่น บัตรเครดิตกระจาย โดยเฉพาะผู้หญิง เห็นอะไรก็อยากซื้อไปหมด เป็นต้น ความสุดโต่งเกินไปไม่มีอะไรดี
ถ้ามีอาการดังข้างต้นละก็ ต้องหันกลับมาบำบัดความเครียดกันหน่อยแล้ว พยายามปรับสมดุลทุกเรื่องให้อยู่ในจุดบาลานซ์แล้วชีวิตคุณจะดี๊…ดี แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลยค่ะ

อาการที่ 5 : เป็นออฟฟิศซินโดรม
ออฟฟิศซินโดรม โรคสุดฮิตของชาวออฟฟิศ ก็วันทั้งวันนั่งแหงกอยู่อย่างนั้นจะทนยังไงไหว ทั้งเครียด ทั้งไม่ได้ขยับร่างกายเป็นเวลานาน ต่อให้อายุยังไม่เยอะก็ป่วยได้ อาการแสดงออกของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน บางคนปวดหัว ไมเกรนขึ้น บางคนปวดหลัง ปวดไหล่ เพราะชอบยกไหล่เวลาพิมพ์งาน บางคนปวดหลัง บางคนนิ้วล็อก ฯลฯ สารพันปัญหาออฟฟิศซินโดรม
วิธีการแก้ง่ายๆ ก็คงหนีไม่พ้น ออกกำลังกายบ้าง ทำงานจนเมื่อยก็พักบ้าง เดินยืดเส้นบางก็ดี หรือหลับตาเป็นบางครั้งที่ปวดหัว หากเป็นหนักจริงๆควรไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำกายภาพบำบัดต่อไป

th.jobsdb.com
บทความอื่นๆ เพิ่มเติม ได้ที่ www.impressionconsult.com

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

5 มิติคุณภาพบริการ

10 มิติคุณภาพบริการ

เทคนิคมีบุคลิกภาพที่ดีในที่ทำงาน