5 วิธีทำงานในองค์กรเพื่อไม่ให้เป็นวัตถุโบราณในออฟฟิศ


คำว่า ”วัตถุโบราณ” เป็นคำที่ใช้เรียกสิ่งของที่ไม่ได้ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวมานานหลายสมัย ตั้งไว้ตรงไหนก็โดนแช่ไว้แบบนั้น เมื่อเอามาเปรียบเทียบกับคนแล้วก็ช่างเป็นคำที่น่าแสลงใจยิ่งนัก เพราะนอกจากจะคล้ายๆ กับการโดนประณามว่าแก่แล้ว ยังดูไร้การพัฒนา ไม่ทันโลก และแลดูไม่มีใครอยากเข้าใกล้ด้วยเช่นกัน

ฟังมาทั้งหมดว่าโหดร้ายแล้ว ลองคิดดูสิถ้ามีคนเปรียบคุณว่าเหมือน “วัตถุโบราณ” มันจะเจ็บจี๊ดแค่ไหน แต่เรื่องนี้มีทางป้องกันแน่นอน เราจะต้องไม่ยอมตกเป็นเหยื่อของขาเม้าท์ เราขอเสนอให้คุณลองทำตามอย่าง 5 ข้อนี้ ก็จะรอดพ้นข้อครหาได้แล้ว

1. ก้าวทันโลกอยู่เสมอ
เฮลโหลววววว นี่ยุค 2016 แล้วคุณขา ทุกอย่างหมุนไปเร็วแบบไม่ทันตั้งตัว ข่าวสาร ข้อมูล อุปกรณ์ไอทีเทคก็เช่นกัน ต้องหมั่นเรียนรู้ให้ทันโลกอยู่เสมอ จะได้คุยกับคนอื่นได้รู้เรื่อง จากที่เคยโทรตามงาน อาจจะเปลี่ยนไปไลน์ทิ้งไว้ จากที่เคยอัดรูปมาใส่กรอบตั้งโต๊ะ ก็อัพลง IG ดูข่าว ดูละคร แล้วเอามาคุยกับทีมงานบ้าง คุยแต่เรื่องงานคงน่าเบื่อจนไม่มีน้องในทีมอยากเข้าใกล้

2. เข้าใจความต่างระหว่าง Generations
การแบ่งผู้คนออกเป็น Generations ต่างๆ ตามปีเกิด และประสบการณ์ที่มีในโลก จะทำให้เห็นชัดเลยว่า ผู้คนแต่ละยุคผ่านประสบการณ์และมีวิธีการท่องโลกที่ไม่เหมือนกัน ไม่มีอะไรถูกอะไรผิด เปิดใจและรับฟังเท่านั้นที่จะทำให้คนอื่นรับคุณเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเขา อย่าพยายามโน้มน้าวให้คนอื่นมาคิดแบบเดียวกับคุณ หรือไปตัดสินใครว่าผิด ความเกรี้ยวกราด และไม่ยอมรับความคิดเห็น จะทำให้คุยตกเป็นวัตถุโบราณทันที คนสมัยนี้เค้าต้องเปิดใจให้เป็น ตามสไตล์ แมนแมนคุยกันครัช

3. อย่าขี้บ่น
ขี้บ่น คือคุณสมบัติของวัตถุโบราณ การจ้ำจี้จ้ำไชในเรื่องเดิมๆ ก็เช่นกัน จะเตือนน้องในทีมนั้นย่อมทำได้ แต่ต้องเตือนแบบสร้างสรรค์ พูดให้เข้าประเด็น แล้วแนะนำไปเลยให้ตรงจุด อย่าเว้อเวิ้นพูดเรื่องเดิมไปเรื่อยๆ จบไม่เป็น นอกจากจะไม่มีใครปฏิบัติตามที่คุณแนะนำแล้ว ยังจะโดนต่อต้านอีกตั้งหาก คนสมัยนี้มีความเป็นตัวของตัวเองสูง เด็กสมัยนี้เขาไม่ได้ยอมคุณง่ายๆ เหมือนสมัยแม่พลอยแห่งสี่แผ่นดิน

4. ซื้อใจ
อย่าสร้างช่องว่างระหว่างวัยขึ้นมาให้กว้างจนใครๆ ก็เข้าไม่ถึงคุณ การจะให้คนเคารพไม่ใช่วางตัวเองไว้บนหิ้งจนคนอื่นแตะไม่ได้ พยายามเข้าใจวัยรุ่นด้วยการเปิดอกพูดคุย รับฟังความเห็น และ พูดภาษาเดียวกับพวกเขา อาวุโสมาขนาดนี้แล้ว จิตวิทยาชีวิตที่ผ่านมามีกี่กระบวนท่าต้องเอามาใช้กับทีมงานด้วย จะสอนจะสั่งอะไร ตัวเองก็ต้องทำตัวเองให้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่เยาวชนรุ่นหลัง ไม่ใช่บังคับคนอื่นอีกอย่าง แต่ตัวเองทำอีกอย่าง แบบนั้นคงไม่มีใครนับถือเป็นแน่

5. แต่งตัวบ้างไรบ้าง
คุณ เดรสซิ่งเป็นสิ่งสำคัญแน่อย่าได้เถียง การแต่งตัวเป็นหนึ่งในด่านแรกที่จะทำให้ผู้คนมองว่าเราเป็นคนสไตล์ไหน ที่ว่าให้แต่งตัวบ้างก็ไม่ได้หมายความว่าคุณอายุเกือบ 40 แล้ว จะให้มาแต่งตัวบ้องแบ๊วเป็นเด็กสาวคราวรุ่นอะไรแบบนั้น (แบบนั้นก็คงโดนเม้าท์หนักไปอี๊ก) แต่หมายถึง การแต่งตัวให้มีคาแรคเตอร์สมกับวัยและอาชีพของคุณนั่นเอง แต่งหน้าแต่งตาบ้าง อะไรฮิต อะไรอินก็หามาสะพายสวมใส่บ้างเล็กน้อยพอเป็นพิธี ไม่ได้บอกให้ฟุ่มเฟือยซื้อของ แต่ขอให้ทุกอย่างมิกซ์แมทช์ออกมาแล้วสวยงามตามท้องเรื่องแค่นั้นก็เพียงพอ

ถ้าคุณไม่อยากเป็นวัตถุโบราณรุ่นลายครามที่ถูกเก็บไว้อยู่ในตู้ ไม่มีใครกล้าแตะต้อง ไม่กล้าพูดคุย หรือทำงานด้วย เราแนะนำให้ลองนำ 5 วิธีข้างต้น ไปปรับใช้ให้เหมาะกับตัวคุณดู รับรองว่าคุณจะเป็นวัตถุโบราณรุ่นลายครามที่คูล!! จนใครๆ ในออฟฟิศต่างก็อยากเข้าหา อยากพูดคุย และอยากร่วมงานด้วยแน่นอน

ขอบคุณข้อมูล th.jobsdb.com
บทความอื่นๆ เพิ่มเติม ได้ที่ www.impressionconsult.com

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

5 มิติคุณภาพบริการ

10 มิติคุณภาพบริการ

เทคนิคมีบุคลิกภาพที่ดีในที่ทำงาน