ทำให้พนักงานในทีมสามัคคีกัน


แม้ว่าชีวิตจริงในออฟฟิศจะไม่ถึงกับ “รวมกันเราอยู่…แยกหมู่เราตาย” แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า “ทีมเวิร์ค” เป็นสิ่งที่องค์กรขาดไม่ได้ คำถามก็คือ เราจะหลอมรวมเหล่าพนักงานที่แสนจะแตกต่างกัน อย่างขาเฮี้ยวกะสาวเจ้าระเบียบ หรือจอมวีนกะหนุ่มขรึม และอื่นๆ ให้เข้าขาสามัคคีกันได้อย่างไร

ตั้งจุดหมายเดียวกัน
อย่างที่เคยเห็นกันในละคร…ว่าแม้แต่ศัตรูคู่อริสุดขั้วก็ยังหันมาจับมือกัน ยามเมื่อมีเป้าหมายให้พิชิตร่วมกัน ฉะนั้น กลเม็ดเคล็ดลับหนึ่งที่จะรวมใจทีมให้ทำงานเป็นหนึ่งเดียวกันก็คือ การตั้งเป้าหมายในการทำงานให้ทุกคนในทีมแชร์ร่วมกัน นั่นหมายความว่าความสำเร็จของแต่ละคนจะวัดจากความสำเร็จของทีมโดยรวม ไม่ใช่แค่ของใครของมัน ซึ่งวิธีนี้จะช่วยขจัดความขัดแย้งการชิงดีชิงเด่นกันในในทีมได้ดี เพราะเมื่อมีจุดหมายหนึ่งเดียวร่วมกัน ทุกคนก็มีแนวโน้มที่จะแบ่งหน้าที่กันและทำให้ดีที่สุด

ยกย่องความสำเร็จของทีม
เมื่อมีความสำเร็จผ่านเข้ามา เราควรยกย่องความสำเร็จนั้นเป็นเครดิต “ความสำเร็จของทีม” ค่ะ จริงอยู่ที่อาจจะมีแค่สองสามคนที่มีบทบาทสำคัญผลักดันให้ทีมได้ผลลัพธ์ตามต้องการ แต่อย่าลืมว่าสำหรับทีมเวิร์คที่ดีแล้ว ทุกคนล้วนมีส่วนช่วยขับเคลื่อนทีมสู่ความสำเร็จไม่มากก็น้อย เช่น แม้คนพรีเซนท์จะมีส่วนสำคัญในการได้ดีลจากลูกค้า แต่หากปราศจากคนจัดเตรียมข้อมูลและเอกสารที่ดีแล้ว เหมือนสินค้าที่ไม่ดี พรีเซนท์ดีอย่างไรก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ
และการยกย่องความสำเร็จเป็นทีมยังจะช่วยป้องกันอาการเหลิง และเป็นภูมิคุ้มกันความน้อยอกน้อยใจของลูกทีมคนหนึ่งคนใดอีกด้วยค่ะ

ปฏิบัติต่อพนักงานอย่างเสมอภาค
ข้อนี้ถือว่าแสนจะสำคัญ เพราะไม่ว่าจะสรรหาวิธีเพิ่มพลังสามัคคีมาให้กับทีมซักกี่ร้อยวิธี หากคุณหัวหน้าทำตัวเลือกปฏิบัติเสียเอง ทีมของคุณก็มีอันจะต้องเผชิญกับรอยร้าวและความแตกแยกที่ทวีคูณเพิ่มขึ้นทุกวัน เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนนะคะคุณหัวหน้าทั้งหลาย เพราะฉะนั้นขอให้ระวังท่าทีของเราไว้ให้ดี หากอยากได้ลูกน้องที่รักและเคารพในตัวคุณอย่างจริงใจ อีกทั้งยังสามัคคีกลมเกลียวกันเหนียวแน่นภายในทีมแล้วล่ะก็ จงปฏิบัติตัวเป็นหัวหน้าที่ยุติธรรม รับฟัง และเปิดให้ลูกน้องทุกคนเข้าถึงอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกันค่ะ

จัดกิจกรรม Team Building, Ice Breaking
และเพราะความสัมพันธ์เชิงธุรกิจอาจไม่เปิดโอกาสให้ทีมเปิดอกเปิดใจคุยกันนัก นายจ้างแสนดีอย่างเราควรเปิดโอกาสให้มีการจัดกิจกรรมดีๆ มาทำลายกำแพงหรือละลายพฤติกรรมให้กับทีมกันบ้าง และหากเป็นไปได้…ก็ควรจัดงบประมาณให้กลุ่มพนักงานเป็นผู้บรรเลงบริหารกิจกรรมกันเอง เพื่อให้พวกเขารู้สึกมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่
กิจกรรมกระชับมิตรนั้นมีมากมายให้เราเลือกให้เข้ากับช่วงวัย ลักษณะโดยรวมของพนักงานในทีม และสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมง่ายๆ เบาๆ อย่างนัดปาร์ตี้ส้มตำมื้อกลางวัน การเล่นเกมบัดดี้บัดด๊อก การซื้อเค้กฉลองวันเกิดให้กับคนในทีม การตั้งกลุ่มโซเชียลมีเดียของทีม ไปจนถึงกิจกรรมมันส์ๆ ลุยๆ อย่างออกทริปท่องเที่ยว แข่งขันเกมส์สร้างทีมเวิร์ก หรือแข่งกีฬาประเภทต่างๆ รวมทั้งกิจกรรมแนวสร้างสรรค์เองอย่าง การเรียนภาษาของเพื่อนต่างชาติ (กรณีบริษัทต่างชาติ) ที่จะช่วยลดช่องว่างความสัมพันธ์ให้แคบจนแทบจะไม่มีที่เหลือ

ทำให้พนักงานสามัคคีปลูกฝังวัฒนธรรม…ทีมเราสนับสนุนกัน
และสุดท้ายสิ่งสำคัญก็คือ การรักษา “ความสามัคคี” ให้คงอยู่ยั่งยืน ซึ่งจะทำได้ด้วยการปลูกฝัง “วัฒนธรรมการสนับสนุนซึ่งกันและกัน” และหากต้องเริ่มจากศูนย์ ขอให้เริ่มจากตัวคุณหัวหน้าก่อนเลยค่ะ ที่จะแสดงออกถึงพฤติกรรมสนับสนุนลูกน้องและฝ่ายอื่นๆ วัฒนธรรมเป็นเรื่องของการซึมซับ เมื่อเห็นว่าดีก็จะมีการส่งต่อจากคนหนึ่งไปยังคนรอบข้าง ขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ และเมื่อคนส่วนใหญ่มีแนวคิดเดียวกัน ทีมก็จะมีวัฒนธรรมที่แข็งแกร่ง พร้อมถ่ายทอดให้กับสมาชิกรุ่นใหม่เรื่อยไป

อย่างที่มีคำกล่าวไว้ว่า “สามัคคีคือพลัง” แม้อาจต้องใช้เวลาและความพยายามในการสร้างและรักษาไว้ แต่รับรองว่าคุ้มค่าค่ะ

ขอบคุณที่มา : th.jobsdb.com

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

5 มิติคุณภาพบริการ

10 มิติคุณภาพบริการ

เทคนิคมีบุคลิกภาพที่ดีในที่ทำงาน